หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ผู้หญิงวัยทองกับน้ำดื่มแอคทิเวท


ด้วยภาระหน้าที่บวกกับความรับผิดชอบธุรกิจส่วนตัวในการบริหารและเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชน ทำให้คุณลำเพยพรรณมิอาจหลีกเลี่ยงความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการทำงานไปได้ เธอทำมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ถึงวันนี้ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องสุขภาพที่ถาโถมรุมเร้าอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากช่วงวัยทองที่มีการพักผ่อนไม่เพียงพอ 

เริ่มจากโรคที่หนึ่ง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เวลาปัสสาวะจะมีอาการแสบ มีเลือดปะปนออกมาด้วย ปวดอย่างมากถึงกับต้องนำส่งโรงพยาบาล “คุณหมอฉีดยาแก้ปวด และให้ยามากิน ต้องไปหาหมอทุกเดือนเพื่อตรวจดูอาการ” 

โรคที่สอง มดลูกอักเสบ มีเลือดออกทางช่องคลอด ตรวจภายในและอัลตราซาวด์แล้ว ระบุว่าสาเหตุเป็นเพราะขาดฮอร์โมน จึงทำให้ผนังกระเพาะปัสสาวะ โพรงมดลูกอักเสบ “คุณหมอได้ให้ฮอร์โมนเพื่อเสริมร่างกายมาทาน แต่ร่างกายกลับไม่รับฮอร์โมนทุกชนิด ไม่ว่าจะชนิดแปะหน้าท้องหรือแม้กระทั่งฮอร์โมนที่มีราคาแพงก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงไม่มียาใดๆ ช่วยรักษาอาการที่เป็นอยู่ได้”  

โรคที่สามกล้ามเนื้อหัวใจโต เป็นระหว่างที่เป็นมดลูกอักเสบอยู่นี้เอง
“ปวดจี๊ดบริเวณหัวใจ มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอก และหายใจไม่คล่อง ต้องตรวจร่างกายด้วยการเดินสายพานและเข้าอุโมงค์ จากนั้นหมอให้ยามารับประทาน และรอดูอาการ” 

โรคที่สี่ที่ตามมาคือเข่าเสื่อม เป็นพร้อมกับโรคที่สาม 
“คุณหมอให้แคลเซียม และยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อมากินเป็นเวลาถึง 3 ปี แต่ดูเหมือนอาการของโรคเข่าเสื่อมกลับทรุดลงกว่าเก่าจนเข่าเริ่มชนกัน จึงตัดสินใจทำการผ่าตัดเปลี่ยนเข่า”  

โรคที่ห้า มีอาการไหล่ติด โดยมีอาการยกแขนไม่ได้ ปวดหัวไหล่ ปวดต้นแขน เป็นในช่วงที่รอการผ่าตัดเข่า  “ปวดถึงขนาดที่ว่าไม่สามารถใส่เสื้อได้ด้วยตนเอง ต้องทำกายภาพบำบัดร่วมกับการฉีดยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด อาการไหล่ติดค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็ยังไม่หายขาดเสียทีเดียว”

โรคที่หก ไข้หวัดรุนแรง คุณลำเพยพรรณต้องเข้าออกโรงพยาบาลทุกเดือน และเริ่มรู้สึกท้อแท้กับชีวิตอย่างมาก   “คุณหมอแจ้งว่าเป็นไวรัสชนิดที่รุนแรงมากเข้าไปทำลายกระเพาะอาหาร ทำลายหลอดลม และโพรงจมูก ทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย น้ำหนักลดลง และมีใบหน้าดำ ร่างกายซูบผอม ไม่มีแม้เรี่ยวแรงเดิน ต้องรักษาไข้หวัดรุนแรงอยู่ 6 เดือน” 

ความเจ็บป่วยที่รุมเร้าอยู่ครบทั้งหกโรค วูบหนึ่งคุณลำเพยพรรณคิดว่าคงมีเวลาเหลืออยู่ในโลกนี้น้อยเต็มที จึงหาที่พึ่งสุดท้ายให้ธรรมะช่วยเยียวยาและรักษาจิตใจ เธอจึงมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมด้วยการสวดมนต์ และนั่งกรรมฐาน แต่ก็ต้องหยุดไปชั่วขณะเพราะเกิดไม่สบาย“ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมได้เจอสามี-ภรรยาคู่หนึ่งอายุ 84 ปี มีผิวพรรณสดใส เดินคล่องแคล่ว ใบหน้า สีชมพูเหมือนคนสุขภาพดีทั่วไป และมีดวงตาที่สดใส ทั้งสองท่านมาเยี่ยมที่บ้าน และได้เห็นไวท์บอร์ดที่ดิฉันเขียนกำหนดการที่จะต้องไปพบหมอทุกๆ เดือนตามระยะที่กำหนด ท่านจึงแนะนำให้รู้จักกับน้ำแอคทิเวท และนำน้ำแอคทิเวท มาให้ดื่ม 2 ขวด

“ดิฉันดื่มขวดแรกแล้วนอน ตื่นเช้ามาความรู้สึกที่แฝงในใจมันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เช่น รู้สึกมีความสุข สดชื่น เบิกบาน จิตใจไม่ห่อเหี่ยวสิ้นหวัง”เมื่อดื่มน้ำแอคทิเวท หมด 2 ขวด คุณลำเพยพรรณได้สั่งน้ำแอคทิเวท ไปดื่ม 3 ลัง ต่อจากนั้นได้ตัดสินใจซื้อเครื่องมาใช้ที่บ้าน 

“ก่อนหน้านี้ ดิฉันต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่ประมาณ 5 ปีติดต่อกัน อาการต่างๆ ก็ยังไม่หาย เมื่อดื่มน้ำแอคทิเวท แล้วสภาพจิตใจกลับคืนมาดีได้อย่างอัศจรรย์ โรคทุกโรคที่รุมเร้าอยู่ก็หายไปโดยที่ไม่ต้องผ่าเข่า ไม่ต้องผ่าตา 

“ดิฉันไปให้หมอจักษุตรวจลูกตาก็ปรากฏว่าไม่ได้เป็นต้อกระจก เป็นเพียงตาอักเสบ และแพ้แสงแดด มีเพียงหินปูนเกาะผนังเปลือกตาเท่านั้น อาการไหล่ติดก็ไม่ต้องทำกายภาพอีก” 

“ก่อนหน้านี้หมอให้ยาลดความดันสูงมากิน แต่หลังจากดื่มน้ำแอคทิเวท ไปได้ 5-6 เดือน ความดันก็ไม่สูงเลย แม้จะลองงดยาความดันไปประมาณ 1 เดือน ความดันก็ยังปกติ”

หลังจากที่สุขภาพของคุณลำเพยพรรณดีขึ้นแล้ว จึงเริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่งวันละ 30 นาที หลังจากออกกำลังกายเสร็จก็จะดื่มน้ำแอคทิเวท 1 แก้ว ว่ายน้ำสัปดาห์ละ 3 วันๆ ละครึ่งชั่วโมง ตามคำแนะนำของหมอกระดูก 

“ทุกครั้งที่ตื่นนอนและอาบน้ำเสร็จ จะนำขวดสเปรย์ที่ใส่น้ำแอคทิเวท ไว้มาฉีดบริเวณใบหน้า และลำตัว หลังจากสระผมและเช็ดผมให้แห้งหมาดๆ แล้วก็จะนำสเปรย์มาฉีดที่ผมให้ทั่ว และทิ้งไว้ให้แห้ง  สเปรย์ผมไปได้ประมาณ 1 เดือน รู้สึกว่าผมขึ้นมาอีกมากมายจนร้านทำผมทักว่าไปเอาอะไรใส่ผมมา”

นอกจากตัวคุณลำเพยพรรณแล้ว เธอยังให้ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคแพ้ไขมันตัวเองได้ลองดื่ม เพราะตอนที่ประจำเดือนใกล้มา บริเวณแขน ขา ใบหน้าของลูกจะเห่อขึ้น บวมช้ำเป็นวงสีแดง เป็นอย่างนี้อยู่ทุกเดือน ไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคผิวหนังมาแล้ว 2 ปีก็ยังไม่หาย ส่วนลูกสะใภ้ที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันมีอาการปวดต้นคอ ตึงกล้ามเนื้อ “ดิฉันก็แนะนำให้เขาทั้ง 2 คนดื่มน้ำแอคทิเวท ปรากฏว่าอาการของทั้งคู่ก็หายเป็นปกติแล้ว”

นอกจากนี้ คุณลำเพยพรรณยังนำน้ำแอคทิเวท ไปให้คนป่วยที่มีแผลจากการเป็นโรคอีสุกอีใส ทาควบคู่ไปกับยาแก้อักเสบ 

“คนป่วยคนนี้มีอายุ 40 ปีแล้ว หน้าตาเขามีแต่แผลเต็มไปหมด มีเลือด น้ำเหลืองเยิ้มๆ ดิฉันลองให้เขาเอาผ้าที่อบด้วยความร้อนแล้วชุบน้ำแอคทิเวท มาปิดบริเวณแผลเป็น ภายใน 2 วัน อาการแผล ผื่นแดงก็จางลงอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังให้เขาทำไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้แผลตามลำตัว ใบหน้าเขาก็เรียบไม่ขรุขระ”


ผู้เล่าเรื่อง ลำเพยพรรณ
อาชีพ เจ้าของโรงเรียนเอกชน